Table of Contents
Toggleกองทัพ ลั่น กัมพูชา ไม่หยุดยิง ด้าน ทบ. เผบ ทหารกัมพูชา เสียชีวิต 221 นาย ทำลายอาวุธ-ยุทโธปกรณ์เพียบ ทร. ยัน ประกาศเคอร์ฟิวส์ จ.ตราด ดูแลความปลอดภัยประชาชน.
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 14 ธ.ค.2568 ที่ศูนย์แถลงข่าวร่วม สถานการณ์ไทย-กัมพูชา ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก พล.ร.ต.สุรสันต์ คงศิริ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวว่า ทหารกัมพูชายังระดมอาวุธหนักยิงเข้ามาฝ่ายไทยและฝ่ายไทยมีความจําเป็นที่จะต้องตอบโต้ตามกฎการปะทะและกฎหลักสากล
โดยตั้งแต่ช่วงเวลา 22.00 น.ของวันที่ 13 ธ.ค.เป็นต้นมา พบโดรนของกัมพูชาแทรกซึมเข้ามา ฝ่ายไทยพยายามสกัดกั้นและมีการตรวจสอบโดรนในพื้นที่ จ.ตราด ซึ่งกองทัพเรือได้มีการป้องกันการลุกลามอธิปไตย
ในช่วงช่วงเวลา 04.00 น.ของวันที่ 14 ธ.ค. กัมพูชาได้ยิง BM-21 และปืนใหญ่เข้ามาในพื้นที่ใน จ.ศรีสะเกษ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงพื้นที่อื่น ๆ ตลอดแนว ย้ําว่าฝ่ายกัมพูชาไม่ได้หยุดยิงตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด
พล.ร.ต.สุรสันต์ กล่าวย้ําว่า ประเทศไทยไม่ได้ปฏิเสธการเจรจา หรือด้านการทูต แต่เนื่องจากการดําเนินการในช่วงที่ผ่านมาไม่สามารถเจรจาได้ เนื่องจากฝ่ายกัมพูชาไม่พร้อมที่จะเจรจา และยังมีความเป็นภัยคุกคาม และเราจะต้องให้ฝ่ายกัมพูชาสิ้นสุดความเป็นปรปักษ์ก่อน เพื่อจะนําไปสู่การเจรจาอย่างแท้จริง
นอกจากนี้ ประเทศไทยได้ขอให้ประชาคมโลกได้เข้าใจบริบทสถานการณ์ในพื้นที่จริงเพื่อคุ้มครองพลเรือน ลดความตึงเครียด และเคารพอธิปไตยของรัฐ
ด้าน พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก กล่าวเสริมว่า ภาพรวมการปฏิบัติการ ควบคุมพื้นที่ไว้แล้วยังไม่เปลี่ยนแปลงได้ขยายผลในที่หมาย ในส่วนที่สําคัญ ปราสาทคนา จังหวัดสุรินทร์ ควบคุมเบ็ดเสร็จเป็นที่เรียบร้อย
ซึ่งจากการตรวจสอบพบกําแพงโบราณสถาน และมีภาพการขุดคูเลตที่ใช้ในการรบ ซึ่งบ่งชี้ได้ว่ากัมพูชาเข้ามายึดพื้นที่ดินแดนไทยในบริเวณที่เป็นโบราณสถานซึ่งผิดหลักสากล เพื่อใช้เป็นที่ตั้งทางทหาร
ความสูญเสียของกัมพูชา มีดังต่อไปนี้
ฐานที่มั่นที่ตั้งทางทหาร 51 แห่ง
BM-21 จํานวน 1 ระบบ
รถถัง 10 คัน
รถเกราะ-ยานเกาะ 9 คัน
ปตอ. 4 ระบบ
ปืนใหญ่ปืนค. 7 กระบอก
แอนตี้โดรน 5 จุด
โดรน 68 ลํา
เสาสื่อสาร 3 จุด
ทหารกัมพูชาเสียชีวิตประมาณ 221 นาย
กองทัพบก ยังคงดํารงความมุ่งหมายการปฏิบัติการ 2 ประการ คือ 1.สถาปนาแนวชายแดนที่ถูกรุกล้ํากลับคืนมาให้ได้ และ 2.ทําลายขีดความสามารถทางทหารของกัมพูชาที่ชัดเจนแล้วว่าเข้าโจมตีและเป็นภัยคุกคามทั้งต่อกําลังทหารและประชาชนชาวไทยให้หมดสิ้นสภาพทั้ง กําลังพลยุทโธปกรณ์ ที่ตั้งทางทหาร และสิ่งสนับสนุนต่าง ๆ พร้อมทั้งยืนยันว่าเป็นความมุ่งหมายที่ยังดํารงอยู่อย่างแน่นอน
ด้าน นาวาเอก นรา คุณโฑถม ผู้ช่วยโฆษกกองทัพเรือ กล่าวว่า ในพื้นที่ที่กองทัพเรือได้รับมอบหมายพื้นที่บ้านชําราด จังหวัดตราด เป็นเป้าหมายหลักที่พยายามยึดคืนที่กัมพูชารุกล้ํามาเป็นเวลานาน ฝ่ายไทยได้โต้ตอบและยึดคืน
ซึ่งเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาได้รับการสนับสนุนการโจมตีทางอากาศของกองทัพอากาศเป็นการทิ้งระเบิดปูทาง หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ใช้กำลังทหารราบดำเนินกลยุทธ์เข้ายึดครองพื้นที่ และมีการตอบโต้จากฝ่ายกัมพูชาอย่างหนาแน่น แต่สุดท้ายก็สถาปนาความมั่นคงในพื้นที่และเชิญธงชาติขึ้นสู่เสาธง ได้สําเร็จเพื่อแสดงอํานาจอธิปไตยในพื้นที่ของเราเอง.
“ขอเน้นย้ําว่าจุดนี้เป็นอธิปไตยของไทยที่ถูกกัมพูชารุกรานตั้งแต่แรกฝ่ายไทยยึดคืนกลับมาจนถึงปัจจุบันยังมีการโจมตีโต้ตอบจากฝ่ายกัมพูชาไม่ได้ลดหย่อนลง กัมพูชายังคงโจมตีกลับมา ฝ่ายไทยยังต้องดําเนินกลยุทธ์เพื่อจํากัดภัยคุกคามจากฝ่ายตรงข้ามต่อเนื่อง” นาวาเอก นรา คุณโฑถม กล่าว
นอกจากนี้ หน่วยที่เข้าดําเนินกลยุทธ์ในกองทัพเรือยังมีหลายหน่วยที่สนับสนุนภารกิจ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานรักษาฝั่ง กรมสรรพาวุธทหารเรือ รวมถึงหน่วยอื่น ๆ ประกอบกําลังเพื่อเข้าดําเนินกลยุทธ์พื้นที่ทางเป้าหมาย
สำหรับการประกาศเคอร์ฟิวในพื้นที่จังหวัดตราด กองทัพเรือเข้าใจดีว่าส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชน แต่เนื่องจากที่ผ่านมามีการก่อกวนจากฝ่ายกัมพูชาอย่างหนักในพื้นที่ชุมชนของประชาชนเองเพื่อความปลอดภัย จำเป็นต้องประกาศเพื่อให้เกิดความปลอดภัยประชาชนสูงสุด
ทั้งนี้ ถ้าหากมีประชาชนจำเป็นต้องออกจากเคหะสถานนอกเวลา สามารถขออนุญาตและชี้แจงเจ้าหน้าที่ได้ เราจะรับฟังและอํานวยความสะดวก ทั้งนี้ขอให้ยึดความปลอดภัยเป็นหลัก ขอให้เชื่อมั่นว่าสิ่งที่กองทัพเรือดําเนินการ รวมถึงทุกเหล่าทัพ เพื่ออํานาจอธิปไตยเพื่อความปลอดภัยของประชาชน
